ข่าวสาร
สภาดิจิทัลฯ จัดประชุมออนไลน์ ผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชน ทบทวนการแก้ไขข้อกฎหมาย บัญชีท้าย พรบ.ธุรกิจคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 พร้อมจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อเร่งแก้ไขก่อนนำเสนอภาครัฐต่อไป
23 ธ.ค. 2563
23 ธันวาคม 2563 สภาดิจิทัลฯ นำโดย นายวีระ วีระกุล รองประธานและประธานพันธกิจด้านการเป็นศูนย์รวมนวัตกรรมของโลก และดร. อธิป อัศวานันท์ ผู้อำนวยการสภาดิจิทัลฯ จัดให้มีการประชุมออนไลน์คณะกรรมการ สมาชิก รวมทั้งผู้ประกอบอุตสาหกรรมไทย เรื่องการทบทวนธุรกิจที่จะนำออกจากบัญชีท้ายพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โดยมีคุณปัทมาวดี บุญโญภาส รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวสรุปถึงการทบทวนประเด็นลักษณะธุรกิจที่ยังไม่เห็นสมควรในการนำออกจากบัญชีท้ายพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 นอกจากนั้น สมาชิกสภาดิจิทัลฯ ได้มีการสรุปข้อเสนอ รวมถึงมาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้อง นำเสนอต่อที่ประชุม และร่วมกันหารือกับภาครัฐในประเด็นต่างๆ ได้แก่ การตั้งคณะทำงานร่วมกัน การจัดตั้งองค์ประกอบ และบทบาทหน้าที่ของคณะทำงาน กำหนดวาระการประชุมของคณะทำงาน ในหัวข้อการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ได้แก่ เรื่องคำนิยาม กรอบการดำเนินงานของกฎหมาย และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ข้อเสนอมาตรการเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ และการพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรอง และอนุคณะกรรมการกลั่นกลอง รวมไปถึงกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดย สภาดิจิทัลฯ จะดำเนินการรวบรวมข้อเสนอแนะเพื่อนำเสนอหน่วยงานภาครัฐต่อไป

ทั้งนี้ สภาดิจิทัลฯ ยังได้เสนอให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศต่อไปในอนาคต

โดยการดำเนินงานนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจสภาดิจิทัลฯ “พันธกิจด้านการเป็นหนึ่งในศูนย์รวมนวัตกรรมของโลก” โดยมีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับภูมิภาคพร้อมระบบนิเวศที่ครอบคลุมของโลก โดยมีตัวชี้วัด Global Innovation ซึ่งปัจจุบันไทยเป็นอันดับที่ 44 และสภามีความมุ่งมั่นที่จะร่วมผลักดันกับทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับความสามารถทางการแข่งขันของประเทศต่อไป