ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของ “โคโรนาไวรัส” หรือ “โควิด-19” ที่กำลังส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนในหลายประเทศทั่วโลก จีนเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตามอง ในประเด็นความสำเร็จของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยรับมือการแพร่ระบาดอย่างสร้างสรรค์ ยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรคและค้นหาวิธีการรักษาโรคอย่างมีคุณภาพ ทำให้ยอดผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวอยู่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่หลายประเทศเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบต่อทั้งการใช้ชีวิต การทำงาน และการดำเนินธุรกิจ จีนกลับนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยให้เศรษฐกิจของจีนโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีไม่หยุดชะงัก พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด แก้ปัญหาในสถานการณ์วิกฤต ทำให้เศรษฐกิจของจีนดำเนินต่อได้ ลองดูกันว่าจีนนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยฝ่าวิกฤตครั้งนี้ได้อย่างไร?
เทคโนโลยีช่วยให้ใช้ชีวิตตามปกติ
การทำงาน
การทำงานและการศึกษาผ่านออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วงนี้ ในประเทศจีน บุคลากรหลายล้านคนใช้เครื่องมือในการทำงานร่วมกัน เช่น DingTalk ของอาลีบาบา, WeChat Work and Meeting ของเท็นเซ็นต์, Feishu ของไบต์แดนซ์ และ WeLink ของหัวเว่ย เครื่องมือเหล่านี้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น โควตาสำหรับผู้เข้าร่วมการประชุมและระยะเวลาในการโทร, การตรวจสุขภาพออนไลน์ และโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมที่เฉพาะเจาะจง
ในขณะที่ มายแบงค์ (MYbank) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์เอกชนสำหรับธุรกิจขนาดเล็กในเครือแอนท์ไฟแนนเชียล (Ant Financial) ได้เปิดตัวการบริการกู้ยืมเงิน “Contactless Loans” ภายใต้ความร่วมมือกับธนาคารของจีนและองค์กรชั้นนำกว่า 100 แห่ง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย และเกษตรกรกว่า 10 ล้านรายทั่วประเทศจีน ผ่านโมเดลการกู้ยืม “310” ซึ่งอาลีเพย์และมายแบงค์เป็นผู้บุกเบิก โดยใช้เวลาเพียง 3 นาทีในการยื่นเรื่องขอกู้ยืมเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ และอนุมัติทันทีภายใน 1 วินาที โดยทุกขั้นตอนดำเนินการโดยระบบอัตโนมัติ หรือ Zero (0) Manual Intervention นับเป็นช่องทางที่สะดวกรวดเร็วสำหรับผู้ประกอบการในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในช่วงเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโดยไม่ต้องเดินทางไปติดต่อที่สาขาของธนาคารด้วยตนเอง
การใช้ชีวิต
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซึ่งก่อให้เกิดข่าวลือมากมายในโลกออนไลน์ Ding Xiang Yuan ผู้ให้บริการคอนเทนต์ออนไลน์ยอดนิยมของจีน ภายใต้การสนับสนุนของบุคลากรทางการแพทย์ ได้ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อนำเสนอข้อมูลทางการแพทย์ที่มีประโยชน์ บริการตรวจเช็คอัพร่างกายทางออนไลน์ และการจัดการกับข่าวลือเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ Yikuang ซึ่งเป็นบริการในเครือ WeChat ผลงานของนักพัฒนาอิสระ และแอป Sspai.com ก็ช่วยจัดทำแผนที่เพื่อระบุเคสผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันในพื้นที่ใกล้เคียง โดยใช้ข้อมูลจากทางการจีน
การเล่นและเรียนรู้
นักเรียนนักศึกษาชาวจีนหลายล้านคนจำเป็นต้องหยุดอยู่บ้านเป็นเวลานาน แต่เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้พวกเขาไม่พลาดโอกาสที่จะเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันเปิดเทอมวันแรกภายหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นักเรียนนักศึกษากว่า 50 ล้านคนในเมืองต่างๆ กว่า 300 เมืองของจีนได้เข้าร่วมโครงการห้องเรียนออนไลน์ ซึ่งริเริ่มโดย DingTalk และ Youku โดยเปิดโอกาสให้อาจารย์กว่า 600,000 คนเปิดสอนวิชาต่างๆ ผ่านระบบไลฟ์สตรีม
ต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19
Alibaba Damo Academy
สถาบันวิจัยและนวัตกรรมของบริษัท Alibaba ผู้นำด้านเทคโนโลยีของประเทศจีน ได้มีการค้นคว้าและพัฒนาระบบอัลกอริทึมสำหรับวินิจฉัยการติดเชื้อ โควิด-19 โดยการทำ CT Scan บริเวณปอด ซึ่งระบบอัลกอริทึมนี้จะสามารถระบุความแตกต่างระหว่างปอดที่ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กับโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อธรรมดาได้แม่นยำถึง 96% รวมทั้งช่วยลดระยะเวลาในการวินิจฉัยจาก 5-10 นาทีต่อราย เหลือเพียง 20 วินาทีต่อรายเท่านั้น โดยมีการใช้งานจริงที่ประเทศจีนในช่วงภาวะวิกฤตที่ผ่านมา
อาลีบาบา คลาวด์ (Alibaba Cloud)
เปิดให้สถาบันวิจัยของรัฐเข้าใช้งานระบบประมวลผล AI ของบริษัทฯได้ฟรี เพื่อช่วยเร่งขั้นตอนการจัดลำดับยีนของไวรัส การวิจัยและพัฒนายารักษาโรค และการคัดกรองโปรตีน ขณะเดียวกัน ไป่ตู้ (Baidu) ก็ได้เปิดแพลตฟอร์ม Smart Cloud Tiangong IoT สำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาด รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ยับยั้งการแพร่ระบาด ส่วนเท็นเซ็นต์ก็ได้เปิดให้ใช้งานระบบ Supercomputing เพื่อช่วยให้นักวิจัยคิดค้นวิธีการรักษาโรค
นอกจากนี้ Alibaba และ WeChat สร้างคิวอาร์โค้ดต่อต้านไวรัส (Anti-Virus Code) ที่ใช้แสดงค่าความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเวลาไปพื้นที่สาธารณะ โดยสีของคิวอาร์โค้ดจะเปลี่ยนไปตามระดับความเสี่ยง ได้แก่ สีเขียว (ผ่าน) สีเหลือง (สังเกตการณ์) และสีแดง (กักบริเวณ)
DJI
ผู้ผลิตโดรนของจีน นำเอาโดรนที่ใช้ในการพ่นสารเคมีในภาคการเกษตรมาใช้ในการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในบริเวณที่อาจมีการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งลำโพงไว้กับโดรนเพื่อช่วยในการแจ้งเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการชุมนุมในพื้นที่หนาแน่น และมีการบินโดรนที่ติดป้ายประกาศแจ้งเกี่ยวกับมาตรการป้องกัน รวมถึงมีการติดตั้งกล้องตรวจจับความร้อนไว้บนโดรนเพื่อตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของประชาชน ช่วยให้คณะแพทย์สามารถระบุเคสที่ต้องสงสัยได้อย่างรวดเร็ว
บล็อกเชน (Blockchain)
มีการใช้แพลตฟอร์มอย่าง Shanzong ซึ่งสร้างช่องทางให้บุคลากรทางการแพทย์ในมณฑลหูเป่ย ได้รับบริจาคหน้ากากอนามัย, เครื่องมือทางการแพทย์, และเงินบริจาค เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้แพลตฟอร์มที่ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินออนไลน์อย่าง Xiang Hu Bao ของแอนท์ไฟแนนเชียล ก็ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนนี้ ในการติดตามการจ่ายเงินเคลมประกันอย่างรวดเร็ว หลังมีการเพิ่มโควิด-19 ไว้ในรายชื่อโรคติดต่อร้ายแรงที่สามารถเคลมประกันได้สูงถึง 100,000 หยวน (หรือประมาณ 460,000 บาท)
ทำให้ผู้คนคลายความกังวล
ขณะที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ใกล้จะถึงจุดเปลี่ยน ชาวจีนจึงเริ่มมองหาวิธีผ่อนคลายจากภาวะความเครียดที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรค โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น
ที่กรุงปักกิ่ง ผับมีชื่อว่า Jing-A Brewing Co. ยังเปิดให้บริการโดยรับเฉพาะออเดอร์ที่สั่งอาหารและเครื่องดื่มกลับบ้าน และให้บริการส่งอาหารถึงบ้าน รวมถึงรีฟิลสำหรับลูกค้าที่นำเหยือกแก้วใส่เบียร์มาเอง บาร์แห่งนี้มีสองสาขาในกรุงปักกิ่งได้ขยายเวลาให้บริการจัดส่งอาหารเป็น 11.00 น. ถึง 23.00 น. ลูกค้าสามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ Meituan และทางผับก็ยังให้ส่วนลดพิเศษสำหรับบริการจัดส่งเบียร์อีกด้วย
อีกหนึ่งแนวคิดดีๆ จากจีน ที่เกิดจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงภาคประชาชนที่ ร่วมมือกันในการสร้างสรรค์และพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยให้มนุษย์ผ่านพ้นวิกฤตไปได้