พระราชกำหนด ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563 ที่รัฐบาลเพิ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2563 มีผลให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 74/2557 เรื่อง การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีผลจากการที่สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในองค์กรหลักที่ผลักดันการขอให้แก้ไขกฎหมายดังกล่าว ส่งผลให้ข้อกำหนดเรื่องการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เดิมที่กำหนดให้ต้องมีผู้ร่วมประชุมอย่างน้อย 1 ใน 3 ขององค์ประชุมอยู่ในที่ประชุมแห่งเดียวกัน และผู้ร่วมประชุมทั้งหมดต้องอยู่ในราชอาณาจักรถูกยกเลิกไป


โดยพระราชกำหนด ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563 มีสาระสำคัญดังนี้

แต่อย่างไรก็ตามในพระราชกำหนดฉบับนี้ได้กำหนดหน้าที่สำคัญของผู้จัดการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ คือ ต้องจัดให้ผู้ร่วมประชุมแสดงตนก่อนร่วมการประชุม และต้องจัดให้ผู้ร่วมประชุมสามารถลงคะแนนได้ โดยการดำเนินการทั้งสองอย่างนี้ หากทำไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย จะทำให้การประชุมไม่มีผลไม่สามารถนำไปใช้บังคับทางกฎหมายได้ จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากต้องศึกษาและกำหนดรูปแบบให้ถูกต้อง แต่หลักการดำเนินการทั้งสองอย่างนี้ ในกฎหมายไม่ได้กำหนดรายละเอียด รวมถึงรูปแบบของวิธีการแสดงตนและการลงคะแนนไว้ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย จึงได้กำหนดวิธีการแสดงตนและการลงคะแนนที่สอดคล้องกับกฎหมาย เพื่อให้การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์มีผลตามกฎหมาย สามารถนำไปใช้เป็นพยานหลักฐานได้ โดยรูปแบบวิธีการที่กำหนดขึ้นนี้ สามารถนำไปใช้กับการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของทุกองค์กรได้ด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อภาคธุรกิจ ที่ต้องจัดให้มีการประชุมตามที่กฎหมายกำหนดไว้ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้


สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทยในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัลของประเทศไทยหวังว่าการจัดทำไกด์ไลน์สำหรับการจัดประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์แก่องค์กร และสมาคมต่างๆ ไม่มากก็น้อย