ข่าวสาร
ประธานสภาดิจิทัลฯ “ศุภชัย เจียรวนนท์” นำทีมประชุมสามัญประจําปี ชี้ 3 ความท้าทายโลก "ดิจิทัล-เหลื่อมล้ำ-ยั่งยืน" ย้ำรัฐ-เอกชนร่วมกันขับเคลื่อนไทย ก้าวสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลอย่างยั่งยืน
5 พ.ค. 2565

27 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทยนำโดย นายศุภชัย เจียรวนนท์ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย และรองประธาน คณะกรรมการ ที่ปรึกษา ตลอดจนสมาชิกร่วมประชุมสามัญประจําปีผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีจำนวนสมาชิกร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงกันและครบองค์ประชุมตามที่กฎหมายกำหนด และมีวาระสำคัญประกอบด้วย 1) รับรองรายงานการประชุมสามัญประจำปีที่ล่วงมา สภาดิจิทัลฯ 2) เรื่องเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานแสดงสถานภาพเศรษฐกิจ และผลผลิตด้านดิจิทัลของประเทศไทยเปรียบเทียบกับสากล และการรับรองรายงานประจำปีแสดงผลงานรวมถึงรายงานประเมินผลงานของสภาดิจิทัลฯ ปี 2564 ตลอดจนร่วมกันพิจารณาให้ความเห็นชอบนโยบายของคณะกรรมการ แผนดำเนินงานและงบประมาณประจำปี 2565 เป็นต้น

 

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย มีความตระหนักถึงภาพรวมของเศรษฐกิจและความท้าทายของโลกที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์โควิดและภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรง (Hyperinflation) รวมถึงภูมิศาสตร์การเมืองโลก (Geopolitics) สะท้อนให้เห็นถึงภาวะสงครามที่เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทั้งยังเป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจโลกมีภาวะถดถอย ตลอดจนส่งผลต่อเสถียรภาพของสินค้าพื้นฐาน อุปโภคบริโภค และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายที่ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยต้องเผชิญ


นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความท้าทายหลักที่สภาดิจิทัลฯ ต้องช่วยกันขับเคลื่อนร่วมกันกับนโยบายภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ได้แก่ 1. การปรับตัวสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ซึ่งเป็นแนวโน้มที่มีผลกระทบในระดับโลก (Megatrends) นำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ 2) การลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่จะทำให้การกระจายรายได้และความเจริญขับเคลื่อนไปพร้อมกัน (Inclusive Capital) 3) ความยั่งยืน (Sustainability) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยทั้งหมดเกี่ยวข้องเป็นลูกโซ่ ดังนั้นทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมกันขับเคลื่อนความท้าทายเหล่านี้ร่วมกัน โดยเฉพาะความร่วมมือในการผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะมาช่วยขับเคลื่อนโลกที่ยั่งยืน นอกจากนั้นการทรานสฟอร์มในระบบอุตสาหกรรม ตัวชี้วัด ระบบนิเวศ และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศโดยใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีในการขับเคลื่อน จะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพอุตสาหกรรมไทยตลอดจนอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมทั้งเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวมให้มีศักยภาพในการแข่งขันและมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

 

สภาดิจิทัลฯ ในฐานะที่มีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนของประเทศ รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันในระดับโลก ได้มีการขับเคลื่อนการออกพระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษี Capital Gains Tax 0% สำหรับการลงทุนในสตาร์ทอัพไทยให้เทียบเท่ากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยตั้งเป้าหมายว่าจะสร้างสตาร์ทอัพไทยรายใหม่จำนวน 1 หมื่นรายภายในระยะเวลา 2-3 ปี และก่อให้เกิดการจ้างงานบุคลากรถึง 5 แสนคน ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ และ Digital Transformation ให้กับประเทศไทย นำไปสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและเทคโนโลยีของโลก นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย กล่าว