วันพุธที่ 5 มีนาคม 2568 ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค กรุงเทพฯ - “สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย” จัดประชุมคณะกรรมการสภาดิจิทัลฯ ชุดที่ 3 ครั้งที่ 2/2568 โดยมีวาระสำคัญในการหารือถึงความคืบหน้าโครงการสำคัญต่าง ๆ และวางยุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ในการประชุมครั้งนี้ สภาดิจิทัลฯ ได้หารือและรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศ โดยมีประเด็นสำคัญครอบคลุมการผลักดันสิทธิประโยชน์ส่งเสริมดิจิทัลไทย โครงการพัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการพัฒนาการเข้าถึงเนื้อหาและบริการดิจิทัลโดยสะดวกถ้วนหน้า ความร่วมมือกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) เป็นต้น

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสผู้ร่วมก่อตั้งสภาดิจิทัลฯ ฉายภาพถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและโลก ชี้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากปัจจัยภายนอก เช่น การยุติสงคราม ราคาน้ำมัน และดอกเบี้ยที่ลดลง รวมถึงการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน

นอกจากนี้ นายศุภชัย ยังเน้นย้ำถึงโอกาสของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนและโลจิสติกส์ในภูมิภาค โดยเสนอแนะแนวทางการขับเคลื่อน New Engine Growth ที่เป็น Quick Win เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศใน 3 ด้านหลัก ได้แก่

1) สนับสนุน SME และ Tech Startup โดยเฉพาะในภาคเกษตร อาหาร และ Biotech ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดยเริ่มจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานชลประทาน เพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนาภาคเกษตร ลดปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม

2) ดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพ (Talent Pool) จากต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และรัสเซีย โดยการเข้ามาของแรงงานเหล่านี้จะสร้างความต้องการที่อยู่อาศัย และอุปโภคบริโภค ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ การมี Talent Pool ระดับโลกจะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมในภูมิภาคต่อไป

3) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ โดยการเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟกับจีน อาเซียน และอินเดีย โดยผ่าน EEC และเชื่อมต่อไปยังกัมพูชา จะทำให้ประเทศไทยเป็น Logistic Hub ที่สำคัญในภูมิภาค นำไปสู่การเป็น Trade Hub และ Financial Hub ซึ่งจะสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

ม.ร.ว. นงคราญ ชมพูนุท ประธานสภาดิจิทัลฯ กล่าวว่า สภาดิจิทัลฯ มุ่งมั่นขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านการจัดกิจกรรมและความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดงานวันอินเทอร์เน็ตปลอดภัยแห่งชาติ ซึ่งเป็นการสร้างความตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ และการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ เพื่อขยายเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ การจัดงานสัมมนาเชิงวิชาการยังเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และสถาบันการศึกษาได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและขับเคลื่อนนโยบายด้านดิจิทัลให้เป็นรูปธรรม

"สภาดิจิทัลฯ ยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายด้านดิจิทัลของประเทศในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันสิทธิประโยชน์ด้านดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาบุคลากร การสนับสนุนมาตรการ Data Center เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และการพัฒนาตัวชี้วัด IMD  เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก”

สำหรับ การประชุมคณะกรรมการสภาดิจิทัลฯ ครั้งนี้ เป็นการประชุมที่สำคัญในการวางยุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยสภาดิจิทัลฯ จะมุ่งมั่นดำเนินงาน เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในภูมิภาคต่อไป