14 ตุลาคม 2568 - สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT) จัดงาน DCT Seminar หัวข้อ “PISA ไทยจะตามทันเพื่อนบ้านในปี 2025?” เพื่อวิเคราะห์ผลคะแนน PISA และระดมความคิด เพื่อหาแนวทางการพัฒนาเยาวชนอย่างเร่งด่วน โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการยกระดับทักษะ STEM และ Digital เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก
ภายในงานได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งภาครัฐและเอกชนมาร่วมให้แนวทางและแลกเปลี่ยนมุมมองอย่างเข้มข้น ประกอบด้วย รศ. ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.), ดร.สมเจตน์ พันธ์พงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ PISA สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.), นายจุฑาภัทร ศักดิ์ขจรภพ Business Director and Head of Permanent Recruitment กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย และ นางเขมนรินทร์ รัตนาอัมพวัลย์ รองประธานและประธานพันธกิจด้านการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ด้านดิจิทัล สภาดิจิทัลฯ โดยมี นางสาวอรดา วงศ์อำไพวิทย์ ผู้ช่วยประธานและหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย สภาดิจิทัลฯ เป็นผู้ดำเนินรายการ ณ ชั้น 6 ห้อง Auditorium ทรู ดิจิทัล พาร์ค (East)
ม.ร.ว.นงคราญ ชมพูนุท ประธานสภาดิจิทัลฯ กล่าวเปิดงาน โดยชี้ว่า PISA คือตัวชี้วัดมาตรฐานการศึกษาระดับโลก ที่สะท้อนถึงศักยภาพกำลังคนในอนาคตและความพร้อมในการแข่งขันของประเทศ โดยเน้นย้ำถึงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากคะแนน PISA ของไทยยังคงต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างมีนัยสำคัญ การสร้างรากฐานเศรษฐกิจและสังคมที่เข้มแข็ง จึงต้องเริ่มจากระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะทักษะด้าน STEM และ Digital ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา
นางสาวอรดา วงศ์อำไพวิทย์ ผู้ช่วยประธาน และหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย สภาดิจิทัลฯ ได้นำเสนอภาพรวมสถานการณ์ โดยอ้างอิงจากผลการประเมิน PISA ปี 2022 ที่พบว่า คะแนนของนักเรียนไทยทั้งด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย OECD และเป็นคะแนนที่ต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี สะท้อนถึงความสามารถทางการเรียนรู้และการแก้ปัญหาที่ถดถอย เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์
นอกจากนี้ ผลคะแนน PISA ที่ต่ำยังสอดคล้องกับความท้าทายในตลาดแรงงานไทย ที่แม้ว่าอาชีพสายไอที (เช่น Software Engineer, Full Stack Developer) จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูงสุด แต่องค์กรเอกชนส่วนใหญ่กลับประเมินว่า บัณฑิตจบใหม่กว่า 90% ยังขาดทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานจริง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงความท้าทายเร่งด่วนในการสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย
รศ. ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการ สสวท. กล่าวว่า แม้คะแนน PISA เฉลี่ยภาพรวมทั่วโลกจะลดลงจากผลกระทบโควิด-19 แต่ความท้าทายสำคัญของไทยคือ ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระหว่างโรงเรียน ซึ่งส่งผลให้คะแนนของนักเรียนส่วนใหญ่ยังต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นพื้นฐานของการประเมินนี้ สำหรับการทดสอบเมื่อเดือน ส.ค. ปี 2025 ที่ผ่านมานี้ ไทยได้ตั้งเป้าหมายที่จะขยับคะแนนขึ้นไม่น้อยกว่า 5% จากผลสอบเมื่อปี 2022 และต้องเร่งยกระดับทักษะเด็กไทยให้ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย OECD มากขึ้น
ขณะที่ ดร.สมเจตน์ พันธ์พงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ PISA สพฐ. ได้นำเสนอแนวทางการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหา โดยระบุถึงปัญหาเชิงเทคนิคที่เด็กไทย ไม่คุ้นชินกับระบบข้อสอบแบบ Computer-based 100% ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหลักฐานเชิงประจักษ์ของความสำคัญของคอมพิวเตอร์ในฐานะอุปกรณ์ในการพัฒนาทักษะดิจิทัลของนักเรียน และยังได้เน้นการใช้ Active Learning รวมถึงการนำโจทย์จากบริบทใกล้ตัว เช่น ปัญหาน้ำท่วม มาเชื่อมโยงความรู้ เพื่อให้เด็กเกิด "ความฉลาดรู้" ทั้ง 3 ด้าน วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และการอ่าน และสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ สพฐ. ยังเตรียมพร้อมเพิ่มโดเมนใหม่ "Media/AI Literacy" สู่การสอบ PISA ปี 2029 ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา เพื่อติดตั้งทักษะแห่งอนาคตให้แก่ผู้เรียนไทย
นายจุฑาภัทร ศักดิ์ขจรภพ Business Director and Head of Permanent Recruitment กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย ยืนยันว่าผลสอบ PISA เป็นตัวชี้วัดศักยภาพแรงงานที่ตลาดงานระดับโลกต้องการอย่างแท้จริง โดยเฉพาะทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันแรงงานข้ามประเทศที่เข้มข้น ทำให้ตำแหน่งงานจำนวนมากถูกแชร์ในระดับภูมิภาค และอาจถูกย้ายไปยังประเทศที่มีบุคลากรพร้อมกว่า หากไทยไม่เร่งพัฒนาหลักสูตรและการสอนอย่างจริงจัง ก็จะทำให้ โอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ถูกย้ายไปประเทศเพื่อนบ้าน และลดขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
ด้าน นางเขมนรินทร์ รัตนาอัมพวัลย์ รองประธานสภาดิจิทัลฯ ชี้ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านกำลังคนอย่างชัดเจน โดยบุคลากรทักษะขั้นสูง (Advanced Skills) ของไทยมีเพียงราว 1% ซึ่งต่ำกว่าหลายประเทศในภูมิภาค สภาดิจิทัลฯ จึงเสนอให้รัฐบาลเร่งขับเคลื่อน “ทักษะแห่งอนาคต” เช่น STEM และ DQ [Digital Intelligence Quotient] ควบคู่กับการยกระดับบทบาทและศักยภาพของครู เพื่อร่วมผลักดันให้ไทยสามารถสร้างกำลังคนทักษะสูง รองรับเศรษฐกิจดิจิทัล และก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการแข่งขันระดับโลกในอนาคต
การสัมมนาครั้งนี้จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าทุกภาคส่วนตระหนักถึงความเร่งด่วนในการปฏิรูปการพัฒนากำลังคนและนโยบายดิจิทัลอย่างจริงจัง เพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจใหม่ และยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทยในเวทีโลก
















