ข่าวสาร
“สภาดิจิทัลฯ” จัดประชุมคณะกรรมการสภาดิจิทัลฯ ชุดที่ 3 ครั้งที่ 4/2567 ผลักดันไทยสู่ผู้นำดิจิทัลในภูมิภาค
21 พ.ย. 2567
วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2567, อาคารสุทธิชั้น 4 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ - “สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย” จัดประชุมคณะกรรมการสภาดิจิทัลฯ ชุดที่ 3 ครั้งที่ 4/2567 โดยมีคณะกรรมการเข้าร่วมตามองค์ประชุมที่กฎหมายกำหนด และมีวาระสำคัญในการประชุม เช่น รับรองรายงานการประชุม รายงานความคืบหน้ายุทธศาสตร์ เป็นต้นในการประชุมครั้งนี้ สภาดิจิทัลฯ ได้หารือและรายงานความคืบหน้าในโครงการสำคัญ อาทิ ความร่วมมือในการพัฒนาศูนย์ข้อมูลซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power Data Platform) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย และหลักสูตรความร่วมมือ CIPAT X DCT ที่มุ่งพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลให้มีศักยภาพสูงขึ้น เป็นต้น นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสผู้ร่วมก่อตั้งสภาดิจิทัลฯ ได้แสดงวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจถึงโอกาสของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านดิจิทัลในระดับภูมิภาค และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะใน 6 ด้านหลัก ได้แก่1) โครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตที่แข็งแกร่ง รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัล และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้าน Data Center, AI, New Transportation และ Green Energy2) การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โดยใช้เทคโนโลยี Smart Grid และ Power Grid เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม3) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัลภายในประเทศ4) โลจิสติกส์ และการบริหารข้อมูล โดยการนำเทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrency มาปรับใช้ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดต้นทุน พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้ Digital ID เพื่อยกระดับการให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชน5) ระบบการเงินที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ในการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจและลดปัญหาธุรกิจใต้ดิน6) ระบบเศรษฐกิจและสังคมที่เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม“สภาดิจิทัลฯ มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการสร้างระบบนิเวศน์ดิจิทัลที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลที่มีความยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล”ด้าน ม.ร.ว. นงคราญ ชมพูนุท ประธานสภาดิจิทัลฯ กล่าวว่า สภาดิจิทัลฯ ในฐานะองค์กรสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยด้านดิจิทัล มีบทบาทสำคัญในการร่วมกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างทั่วถึง และสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการสร้างเสริมสุขภาพผ่านเครือข่ายสังคมดิจิทัล ที่จะช่วยให้กลุ่มผู้เปราะบางมีสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งการจัดงานสัมมนาออนไลน์ การรับรองหลักสูตรและการจ้างงาน STEM เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจขั้นตอนการรับรองหลักสูตรและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ช่วยให้สามารถพัฒนาทักษะบุคลากรด้าน STEM ได้ตรงตามความต้องการของตลาด เป็นต้นการดำเนินงานเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสภาดิจิทัลฯ ในการสร้างเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลที่ยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อทุกคน ม.ร.ว. นงคราญ กล่าว