วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 - “สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT)” จัดงาน DCT Seminar ในหัวข้อ Programmer และ วิทย์-คณิต จะตกงานเพราะ AI !? แต่แล้วทำไม Big Tech เร่งลงทุนเวียดนาม มาเลเซีย เพราะ Programmer และ วิทย์-คณิต เยอะ? เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) และผลกระทบของ AI ต่อภาคอุตสาหกรรม โดยมี นางสาวอรดา วงศ์อำไพวิทย์ ผู้ช่วยประธานและหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย สภาดิจิทัลฯ เป็นผู้ดำเนินรายการ ณ ชั้น 6 ห้อง Auditorium ทรู ดิจิทัล พาร์ค (East)
ม.ร.ว. นงคราญ ชมพูนุท ประธานสภาดิจิทัลฯ กล่าวเปิดงาน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของสภาดิจิทัลฯ ในการเป็นองค์กรหลักที่เชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาครัฐบาล ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัลของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลและ STEM เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากลและอยู่รอดได้ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทสำคัญ
"สภาดิจิทัลฯ มุ่งมั่นที่จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลและ STEM เพื่อให้ประเทศไทยมีกำลังแรงงานที่มีคุณภาพและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในยุค AI"
นางเขมนรินทร์ รัตนาอัมพวัลย์ รองประธานและประธานพันธกิจด้านการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ดิจิทัล สภาดิจิทัลฯ กล่าวถึงปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกสู่เวียดนาม โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของนโยบายภาครัฐและการพัฒนาบุคลากรด้าน STEM ที่มีคุณภาพและต้นทุนที่เหมาะสม
"นโยบายของแต่ละประเทศที่มีความชัดเจนและพร้อมสนับสนุน เป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักลงทุน นอกจากนี้ ทักษะด้าน STEM ที่สูง และค่าแรงที่เหมาะสมของบุคลากรเวียดนาม ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เวียดนามเป็นที่น่าสนใจสำหรับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก"
ดร. นรัตถ์ สาระมาน นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) และกรรมการสภาดิจิทัลฯ แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายที่ชัดเจนของภาครัฐ และความร่วมมือจากองค์กรต่าง ๆ เป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตบุคลากรที่มีทักษะด้าน STEM ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของ AI
"AI ไม่สามารถแทนที่มนุษย์ได้ภายใน 20 ปีนี้ แต่ก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยทุ่นแรง เช่น AI สามารถรวบรวมข้อมูลและปรับปรุงกระบวนการทำงานในการเขียนโปรแกรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มนุษย์ยังคงต้องเตรียมพร้อมและพัฒนาทักษะใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เท่าทันและสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
นายพิชิต ธันโยดม Chief Business Officer บริษัท ทรู คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า AI มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน และควรถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนาจุดแข็งของประเทศไทยให้โดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความท้าทายของประเทศไทยในการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยี
“การพัฒนาบุคลากรด้าน STEM เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคดิจิทัล ปัจจุบัน เด็กไทยให้ความสนใจด้าน STEM น้อยลง ประกอบกับอัตราการเกิดที่ลดลง ส่งผลให้ประเทศขาดแคลนบุคลากรด้านเทคโนโลยี จึงจำเป็นต้องส่งเสริมให้เยาวชนหันมาสนใจเทคโนโลยีและ STEM มากขึ้น เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพในอนาคต”
นายสาโรจน์ อธิวิทวัส โฆษกและประชาสัมพันธ์สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีจุดเด่นที่แตกต่างจากเวียดนาม โดยเวียดนามมีความได้เปรียบด้านบุคลากรเทคโนโลยีและ AI ขณะที่ไทยมีศักยภาพในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ได้แก่ การท่องเที่ยว การบริการสุขภาพ อาหาร บริการภาครัฐ และความมั่นคง
“การใช้ AI เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของธุรกิจสตาร์ทอัพ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย และการเชื่อมโยงจุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเข้ากับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้มากขึ้น”
นายภัทรเสฏฐ หนุนภักดี Thailand Country Team Lead of LinkedIn Thailand กล่าวถึงรูปแบบการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งจะพิจารณาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ความต้องการของอุตสาหกรรม และศักยภาพของบุคลากรในแต่ละประเทศ
“บุคลากรไทยโดดเด่นด้านการบริหารจัดการ การเจรจาต่อรอง และการสร้างประสบการณ์ลูกค้า ซึ่งดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะในภาคบริการและดิจิทัล นอกจากนี้ การพัฒนาทักษะดิจิทัลและ AI จะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและดึงดูดการลงทุนในอนาคต”
นายจุฑาภัทร ศักดิ์ขจรภพ Business Director & Head of Permanent Recruitment กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย กล่าวว่า การที่ Nvidia ตัดสินใจลงทุนในเวียดนามนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ปัจจัยด้านบุคลากรที่มีทักษะ AI และวิศวกรรมซอฟต์แวร์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงปัจจัยด้านความร่วมมือของบริษัทพันธมิตรของ Nvidia ที่มีอยู่ก่อนแล้ว และการสนับสนุนจากภาครัฐที่เอื้อต่อการลงทุน
“บริษัทระดับโลกต้องการบุคลากรที่ไม่เพียงมีทักษะด้านโค้ดดิ้ง (Coding Skills) แต่ต้องสามารถทำงานร่วมกับ AI และมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา ซึ่งประเทศที่มีการพัฒนาหลักสูตรด้าน STEM และ AI อย่างต่อเนื่อง จะได้เปรียบในการสร้างแรงงานที่ตรงกับความต้องการของตลาด และดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกมากขึ้น”
นางสาวอรดา วงศ์อำไพวิทย์ ผู้ช่วยประธานและหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย สภาดิจิทัลฯ กล่าวเสริมว่า AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยคาดว่าตลาด Gen AI จะขยายตัวถึง 207,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 ขณะที่ประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญของไทย คือการขาดแคลนกำลังคนด้านดิจิทัลและ STEM ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนา AI ในประเทศ ในทางกลับกัน เวียดนามกลับเป็นจุดหมายการลงทุนของ Nvidia เนื่องจากมีกำลังคนด้าน STEM สูงและมีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างจริงจัง ทำให้บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกสนใจขยายธุรกิจและตั้งศูนย์วิจัยที่เวียดนาม
สำหรับ งาน DCT Seminar ในครั้งนี้ ได้เปิดประเด็นแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่ออาชีพ Programmer และสาย STEM พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เวียดนามกลายเป็นจุดหมายการลงทุนของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ (Big Tech) โดยผู้เชี่ยวชาญได้ชี้ให้เห็นว่า แม้ประเทศไทยจะมีจุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรที่มีทักษะการบริหารจัดการ แต่เวียดนามมีความได้เปรียบด้านแรงงาน STEM ที่มีทักษะสูงและต้นทุนค่าแรงต่ำ ซึ่งดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องกันว่า AI จะไม่เข้ามาแทนที่มนุษย์โดยสมบูรณ์ในเร็ววัน แต่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน ทำให้แรงงานต้องปรับตัวและพัฒนาทักษะใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ทักษะที่สำคัญในยุค AI ได้แก่ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การทำงานร่วมกับ AI และความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง นโยบายภาครัฐและการร่วมมือระหว่างองค์กรต่าง ๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย และเตรียมความพร้อมให้ก้าวทันยุคดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในอนาคต